ข่าว:

SMF - Just Installed!

Main Menu

กระทู้ล่าสุด

#1
คาร์บอนไดออกไซด์ คืออะไร
คาร์บอนไดออกไซด์ หรือ CO2 เป็นก๊าซก๊าซไม่มีสี ไม่มีกลิ่นที่มีอยู่ตามธรรมชาติ ในชั้นบรรยากาศของโลก และถูกผลิตขึ้นในกระบวนการเผาไหม้และในสิ่งมีชีวิต เช่น การหายใจออกปล่อยก๊าซ CO2 ออกมา CO2 ที่ปล่อยออกมานี้จะเพิ่มความเข้มข้นของ CO2 ในห้องปิด ซึ่งระดับปกติของ CO2 ในอากาศอยู่ที่ประมาณ 400 ppm ในอาคารเมื่อ CO2 มากกว่า 800 ppm ก็สามารถพิจารณาได้แล้วว่ามีการระบายอากาศไม่ดีหรือเป็นพื้นที่แออัด
ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เป็นก๊าซที่มีอยู่ทั่วไปทั้งในบรรยากาศ ก๊าซนี้มีส่วนกับการใช้ชีวิตของมนุษย์ สัตว์ และพืช ซึ่งเป็นสารที่พืชใช้ผลิตอาหารโดยกระบวนการสังเคราะห์แสง และในด้านอุตสาหกรรมนั้นยังนำก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มาใช้ประโยชน์ในหลายๆ ด้านและก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ยังCO2เกิดจากการเผาไหม้อย่างสมบูรณ์ของเชื้อเพลิงที่มีธาตุคาร์บอนเป็นองค์ประกอบ
ถ้าเราได้รับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เข้าไปปริมาณมากๆนั้นจะทำให้เลือดเป็นกรดและกระตุ้นระบบหายใจให้หายใจเร็วขึ้นจึงทำให้หัวใจเต้นเร็ว และกดสมอง และทำให้หมดสติ ดังนั้นเราควรหลีกเลี่ยงในจุดที่มีก๊าซคาร์บอนไดร์ออกไซด์และควรหลี่กเลี่ยงการทำงานในพื้นที่อับอากาศ หรือพื้นที่ที่มีก๊าซออกซิเจนน้อย จึงทำให้ในปัจจุบันนั้นมีอุปกรณ์และเครื่องมือในการตรวจวัดค่าของก๊าซต่างๆเข้ามาช่วยในการตรวจสอบ



เครื่องวัด CO2 ในอากาศยี่ห้อไหนดี ?
ขอแนะนำเครื่องวัดคาร์บอนไดออกไซด์ หรือ CO2 ที่มีราคาไม่แพงและมีความแม่นยำในการตรวจวัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่างๆ





#2

การให้น้ำในปริมาณที่เหมาะสมแก่พืชเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการเจริญเติบโตที่ดี สำหรับผู้ที่เริ่มต้น
การทำสวน การรดน้ำมากเกินไปอาจส่งผลเสียต่อต้นไม้ของคุณได้เช่นกัน แต่คุณจะรู้ปริมาณที่เหมาะสมได้อย่างไร?
1. ต้องดูเรื่องความชื้นของน้ำในดินที่เพราะปลูกพืช
2. ปริมาณ ค่า PH ในดินและแสงแดดในการส่องสว่างที่จำเป็นต่อพืช
วิธีใช้เครื่องวัดความชื้นในดิน?
ตัวโพรบควรเช็ดให้สะอาด  และจุ่มปักลงบริเวณใกล้ต้นพืช แต่ไม่ควรปักโดนรากพืชในสเกลค่าความชื้นจะมีค่า 3-8 มีความหมายดังนี้ครับ การอ่านค่า 3 ค่าและต่ำกว่ามักจะหมายความว่าดินแห้งเกินไป
ในขณะที่ 8 ขึ้นไปแสดงว่าเปียกเกินไป พืชส่วนใหญ่ชอบระดับระหว่าง 4 ถึง 7
ค่า PH เช่นกัน หากเป็นด่างมากๆจะส่งผลทำให้พืชเติบโตช้า ค่า PH ควรอยู่ระหว่าง 5-8
ประโยชน์เครื่องวัดความชื้นในดิน?
1. ทำให้รู้ปริมาณน้ำในดิน แม้ว่าพื้นผิวดินจะชื้น  แต่ก็อาจมีน้ำขังใต้พื้นผิวหรือมีการระบายออก
2. ฝึกวินัยให้กับตนเองในการสังเกตและมั่นรดน้ำพรวนปุ๋ยให้เหมาะสมกับพืช

เครื่องวัดความชื้นในดิน ยี่ห้อไหนดี
สำหรับ เครื่องวัดความชื้นดิน ทราย (Soil Moisture ) รุ่นที่แนะนำคือรุ่น ETP306 และ ETP307
ราคาไม่แพง ในการทดสอบดินและสามารถใช้ได้ทั้งมือใหม่และชาวสวนที่มีประสบการณ์




#3
ทำไม PH จึงมีความสำคัญสำหรับการปลูกพืชไร้ดิน ?
ความสำคัญของระดับ pH ในระบบไฮโดรโปนิกส์ มีดังนี้
•  ระบบไฮโดรโปนิกส์มีความซับซ้อนในเรื่องของระดับ pH ที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมของจุลินทรีย์ การพัฒนาของเชื้อรา การเข้าถึงสารอาหาร และการเจริญเติบโตของราก
• การปลูกพืชในระบบไฮโดรโปนิกส์ต้องให้ความสำคัญกับระดับ pH เนื่องจากพืชต้องการค่า pH ที่แตกต่างจากการปลูกในดิน
•    การตรวจวัดและควบคุมค่า pH เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการปลูกพืชแบบไฮโดรโปนิกส์ เนื่องจากพืชไม่สามารถดูดซึมสารอาหารได้ถ้าระดับ pH สูงหรือต่ำเกินไป
•    การปลูกพืชแบบไฮโดรโปนิกส์ไม่มีดินเกี่ยวข้อง จึงไม่ได้รับประโยชน์จากวัฏจักรของสารอาหารและการปฏิกิริยาของจุลินทรีย์ในดินเหมือนการปลูกพืชแบบธรรมดา
•    ผู้ปลูกไฮโดรโปนิกส์ต้องสร้างสภาพแวดล้อมการปลูกที่เหมาะสมในอุดมคติ โดยตรวจสอบและปรับระดับ pH เพื่อให้แน่ใจว่าสารอาหารพร้อมใช้งานได้

ระดับ pH เป็นตัวบอกความเข้มข้นของสารอาหารและความกระด้างของน้ำ ช่วยให้เข้าใจปัญหาที่เกี่ยวข้องได้ง่าย สำหรับพืช ค่า pH ต่ำกว่า 5.5 อาจเป็นพิษต่อทองแดงและเหล็กหรือขาดแมกนีเซียมและแคลเซียม ส่วนค่า pH สูงกว่า 6.5 อาจทำให้ขาดธาตุเหล็ก ดังนั้นการเลือกใช้ค่า pH ที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญเพื่อป้องกันการขาดสารอาหารและตายของพืชได้
นอกจากนี้ การขาดสารอาหารทั่วไปยังเป็นปัญหาที่ควรระวังเนื่องจากระดับ pH ซึ่งเป็นตัวบอกความเข้มข้นของสารอาหาร ส่วนสัญญาณทั่วไปของการขาดสารอาหารในพืชมีดังนี้
•    การขาดเหล็ก: ใบไม้จะเป็นสีซีดหรือเหลือง
•    การขาดแคลเซียม: เคล็ดลับอาจถูกไฟไหม้และการครอบแก้ว
•    การขาดแมกนีเซียม: ใบอาจเปลี่ยนเป็นสีเหลืองระหว่างเส้นใบ




เครื่องมือวัดสำหรับปลูกพืชไฮโดรโปรนิกส์ Hydroponics 

#4


วัดระดับความเค็มในอาหารได้อย่างไร ?
การวัดระดับความเค็มในอาหารสามารถทำได้โดยใช้เครื่องมือวัด "ความเค็มในอาหาร" หรือที่เรียกว่า "เครื่องตรวจหาปริมาณเกลือในอาหาร" เพื่อประเมินปริมาณโซเดียมในอาหารว่ามีมากหรือน้อยเพียงใด และว่าเกินความต้องการของร่างกายต่อวันหรือไม่ เพื่อช่วยลดการบริโภคเกลือในอาหาร และเพื่อป้องกันการเกิดโรคต่างๆ
ค่าของปริมาณความเค็มในอาหาร

การวัดระดับความเค็มในอาหารสามารถแบ่งออกเป็น 3 ระดับ ได้แก่
1. ระดับความเค็มที่ปลอดภัยต่อสุขภาพมนุษย์ คือ ค่าความเค็มต่ำกว่า 0.7 เปอร์เซ็นต์ NaCl และปริมาณโซเดียมไม่เกิน 275.3 มก./100 มล.
2.  ระดับความเค็มที่มีความเค็มปานกลาง คือ ค่าความเค็มอยู่ระหว่าง 0.7-0.9 เปอร์เซ็นต์ NaCl และปริมาณโซเดียมอยู่ระหว่าง 275.3-354 มก./100 มล. สามารถคำนวณกลับไปเป็นปริมาณโซเดียมได้
3. ระดับความเค็มสูง คือ ค่าความเค็มมากกว่า 0.9 เปอร์เซ็นต์ NaCl และปริมาณโซเดียมมากกว่า 354 มก./100 มล. ซึ่งถือว่าอันตรายและไม่ควรบริโภค


การดูแลสุขภาพด้วยการควบคุมปริมาณโซเดียมในอาหาร
ควรจะเลือกกินอาหารที่มีปริมาณโซเดียมในอาหารต่ำ และรักษาระดับความเค็มในอาหารให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัย ซึ่งสามารถวัดระดับความเค็มที่อยู่ในอาหารได้ โดยใช้เครื่องวัดความเค็มที่สามารถใช้งานได้อย่างง่าย ที่จะช่วยในการควบคุมปริมาณโซเดียมในอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ


#5
การตรวจวัดความเค็มของน้ำ ( Water salinity test ) มีความสำคัญอย่างไร
การทดสอบความเค็มของน้ำเป็นสิ่งสำคัญ เครื่องวัดความเค็ม Salinity meter โดยทั่วไปจะวัดความเค็มของน้ำใน
4 อุตสาหกรรมหลัก ได้แก่
•    น้ำเสีย
•    ผิวน้ำ
•    น้ำบาดาล
•    เกษตรกรรม
น้ำเสีย การทดสอบความเค็ม เพื่อตรวจสอบปริมาณค่าความเค็มเกลือของน้ำ ก่อนการกลับไปสู่แวดวงโดยรอบ โดยเฉพาะเมื่อน้ำเสียถูกนำไปใช้ในการเกษตร การเปลี่ยนแปลงระดับเล็กน้อยของความเค็มอาจมีผลกระทบต่อพืช สัตว์ และสิ่งแวดล้อมได้

ผิวน้ำ น้ำจะมีระดับความเค็มที่เหมาะสมต่างกัน สิ่งมีชีวิตในน้ำเค็มควรมีระดับค่าความเค็มที่ 40 ppt ในขณะที่สิ่งมีชีวิตในน้ำจืดต้องทนต่อความเค็มไม่เกิน 1 ppt สิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในสภาวะกร่อยจะต้องสามารถทนต่อการเปลี่ยนแปลงของความเค็มได้ ดังนั้น การไหลของน้ำสามารถผันผวนได้ขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำจืดหรือน้ำเค็มที่ไหลเข้ามาในแต่ละครั้ง

น้ำบาดาล การวัดความเค็มในน้ำใต้ดินช่วยบอกปริมาณเกลือในดินผิวดิน โดยการทดสอบความเค็มในดิน สามารถดูได้ว่ารากพืชดึงเกลือได้มากน้อยเพียงใด นอกจากนี้ยังสามารถส่งตัวอย่างไปวิเคราะห์เพิ่มเติมได้

เกษตรกรรม การวัดความเค็มของน้ำใช้ในการตรวจสอบความปลอดภัยและความสะอาดสำหรับการเกษตรและปศุสัตว์ นอกจากนี้ยังมีประโยชน์ในอุตสาหกรรมด้านสุขภาพและการผลิต

เครื่องวัดความเค็ม เป็นเครื่องมือที่สำคัญในการวัดค่าความเค็มในของเหลว เช่น น้ำทะเล น้ำเค็ม หรือน้ำจืดที่มีความเค็มสูง เพื่อใช้ในการตรวจสอบคุณภาพน้ำ ซึ่งการเลือกเครื่องวัดความเค็มที่มีคุณภาพดีจะช่วยให้ได้ผลการวัดที่แม่นยำ แนะนำให้เลือกใช้เครื่องวัดความเค็มรุ่น 8372 ของแบรนด์ AZ INSTRUMENTS ซึ่งเป็นเครื่องวัดความเค็ม Salinity Meter ที่ใช้งานได้อย่างสะดวก และได้ผลการวัดที่แม่นยำ ราคาที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้งาน
#6
การวัดความเค็มของน้ำ (Measuring Salinity of Water)
การวัดความเค็มหรือปริมาณเกลือละลายในน้ำมีความสำคัญเนื่องจากสิ่งมีชีวิตในน้ำ ปศุสัตว์ และพืชเจริญเติบโตในระดับความเค็มที่แตกต่างกัน น้ำจืดมีค่าความเค็มน้อยกว่า 0.5 ppt ในขณะที่น้ำทะเลมีค่าความเค็มเฉลี่ย  35 ppt
ความเค็มคือการวัดปริมาณเกลือที่ละลายในน้ำ โดยปกติจะแสดงเป็นส่วนต่อพัน (ppt) หรือเปอร์เซ็นต์ (%) 
วิธีวัดความเค็ม
การวัดความเค็มของดินและน้ำสามารถทำได้โดยการส่งกระแสไฟฟ้าระหว่างอิเล็กโทรดทั้งสองของเครื่องวัด ค่า EC ของตัวอย่างดินหรือน้ำสูงขึ้นเมื่อมีความเข้มข้นและองค์ประกอบของเกลือที่ละลายอยู่ ตารางค่าความเค็มแสดงหน่วยต่างๆ ที่ใช้ในการวัดความเค็มและความสัมพันธ์ระหว่างหน่วยต่างๆ


การวัดค่าความเค็มมักใช้ตัวย่อเพื่อระบุตัวอย่างที่ทดสอบและวิธีการวัด วิธีการที่ใช้จะส่งผลต่อความถูกต้องและความมั่นใจในการตีความของผลลัพธ์

ECw คือความเค็มของน้ำ สามารถวัดได้ในสนามหรือห้องปฏิบัติการ

EC1:5 เป็นขั้นตอนแรกจากสามขั้นตอนในการประมาณความเค็มของดิน (ECe) กำหนดโดยการผสมดิน 1 ส่วนกับน้ำกลั่นหรือน้ำปราศจากไอออน 5 ส่วน

ECe คือปริมาณเกลือโดยประมาณในดิน ประมาณโดยการคูณค่า EC1:5 ด้วยปัจจัยที่เหมาะสมที่เกี่ยวข้องกับเนื้อดินของตัวอย่าง ซึ่งสามารถระบุได้ในภาคสนามหรือในห้องปฏิบัติการ

ECse คือค่าการนำไฟฟ้าของสารสกัดจากดินอิ่มตัวซึ่งควรดำเนินการโดยห้องปฏิบัติการที่ได้รับการรับรองจาก National Association of Testing Authorities, Australia (NATA)

ECa คือค่าการนำไฟฟ้าที่ชัดเจน เป็นการวัดค่าการนำไฟฟ้าจำนวนมากของดินที่ไม่ถูกรบกวนในสนาม วัดด้วยเครื่องมือแม่เหล็กไฟฟ้า (EM38 และ EM31) ในการสำรวจดิน

เครื่องวัดความเค็มในน้ำทะเล (น้ำกร่อย)
เครื่องวัดความเค็ม AZ8371 (หรือ Salt Meter) ใช้วัดค่าความเค็มในน้ำทะเล น้ำเลี้ยงปลา น้ำกร่อย เพื่อใช้ในการเพาะปลูกต่างๆ โดยสามารถวัดค่าความเค็มสูงสุดได้ถึง 70 ppt (7%)
#7
เครื่องมืออุตสาหกรรม มือสอง Used Tools / Refractometer หลักการทำงาน
กระทู้ล่าสุด โดย myponpe - ก.ย 29, 2023, 02:03 หลังเที่ยง
Refractometer หลักการทำงาน
Refractometer เป็นเครื่องมือวัดที่ใช้อย่างกว้างขวางในอุตสาหกรรมอาหาร มีประโยชน์ในการใช้วัดค่าความเข้มข้นของสารละลาย เช่นปริมาณน้ำตาล ในน้ำคั้นจากผลไม้สด น้ำเชื่อม เครื่องดื่ม เช่น ค่าที่ได้มีหน่วยเป็น องศาบริกซ์ (เปอร์เซ็นต์น้ำหนักต่อน้ำหนัก)


      การใช้ refractometer วัดน้ำคั้นจากผัก ผลไม้ หรือน้ำผลไม้ เป็นการวัดค่า total soluble solids หรือปริมาณของแข็งที่ละลายได้ทั้งหมด มีหน่วยเป็นเปอร์เซ็นต์ (เปอร์เซ็นต์น้ำหนักต่อปริมาตร)  เพราะในน้ำผลไม้ ประกอบด้วยน้ำตาลชนิดต่างๆ ซึ่งละลายได้ในน้ำ เช่น กลูโคส (glucose) ฟรักโทส (fructose) ซูโครส (sucrose) นอกจากน้ำตาแล้ว ในน้ำผลไม้ยังมีกรดอินทรีย์ ที่ละลายในน้ำได้ดี เช่น กรดซิตริก (citric acid) กรดมาลิก (malic acid) กรดทาร์ทาริก (tartaric acid) กรดแอมิโน และวิตามินซี ซึ่งค่าที่วัดได้ เป็นค่ารวมของความเข้มข้นน้ำตาลทุกชนิด และกรดอินทรีย์ที่ละลายได้ในน้ำผลไม้นั้น

ปริมาณเกลือ มีชื่อรียกว่า Salinity Refractometer มีหน่วยเป็น ความเข้มข้น ppt (part per thousond, ถ้าต้องการค่าเป็น เปอร์เซ็นต์ ให้เอาค่า ptt/10) หรือ ความถ่วงจำเพาะของสารละลายเกลือ ใช้เตรียมน้ำเกลือในอาหารหมักเกลือ (salt curing) วัดความเข้มข้นของเกลือในซีอิ้ว น้ำปลา ปูเค็ม

ปริมาณแอลกอฮอล์ ในเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (alcoholic beverage) มีหน่วยเป็น Alcohol by Volume หรือ % ABVความหนาแน่นของของเหลว (liquid density) และ ความถ่วงจำเพาะของสารละลาย

หลักการทำงานของ Refractometers

Refractometers ถูกประดิษฐ์ขึ้นมาโดย Dr. Ernst Abbe นักวิทยาศาสตร์ เยอรมัน/ออสเตรีย ในต้นศตวรรษที่ 20 โดยการทำงานของ refractometer เป็นการวัด ดัชนีหักเหของแสง (refractive index) เมื่อเคลื่อนที่ผ่านตัวกลางหนึ่งสู่อีกตัวกลางหนึ่ง เช่น จากอากาศสู่น้ำ จากน้ำสู่คริสตัล (crystal) ทำให้ มุม ความเร็ว (velocity, v) ของแสงแตกต่างกัน

สารละลายที่มีความเข้มข้นแตกต่างกันเมื่อแสงส่องผ่านจะเกิดการหักเห และให้ค่าดัชนีหักเหของแสงต่างกันซึ่งจากความสัมพันธ์ดังกล่าว จึงนำมาประยุกต์ใช้วัดค่าความเข้มข้นของสารละลายได้

การวัดค่าดัชนีหักเหของแสง (refractive index) สามารถทำได้ 2 ระบบ คือ

วัดด้วยการส่องผ่านของแสง (transparent system)
วัดด้วยการสะท้อนของแสง (reflection system)


ประเภทของ Refractometer ที่ใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร
Hand held refractometer เป็น refractometer ที่มีขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา พกพาได้ ใช้งานง่าย สะดวก รวดเร็ว การทำงานของ hand held refractometer อาศัยหลักการหักเหของแสงใช้วัดความเข้มข้นของสารละลาย


วิธีการวัดค่า
ทำได้โดยการหยดสารละลายที่ต้องการทราบค่าบนแผ่นปริซิม ปิดด้วยแผ่นปิด แล้วส่องมองผ่านช่องในที่มีแสง จะมองเห็นเป็นแถบสี ที่อ่านค่าตัวเลขได้ ตามสเกล ที่เครื่องกำหนดไว้ เช่น เป็นเปอร์เซ็นต์ความเข้มข้น ความเข้มข้นของน้ำตาล น้ำเชื่อม น้ำผลไม้ ที่วัดได้ มีหน่วยเป็น องศาบริกซ์ ( Brix) หรือ อาจเป็นค่าความหนาแน่นของเหลว หรือทั้งสองอย่าง
• ก่อนและหลังการใช้ hand refractometer ควรทำความสะอาดแผ่นปริซึม ซึ่งเป็นบริเวณที่ใช้หยดสารละลายตัวอย่าง ด้วยกระดาษเช็ดเลนส์ ฝุ่นละออง คราบสกปรกบนแผ่นปริซึม มีผลต่อความถูกต้องของค่าที่อ่านได้
• สารละลายที่หยดไม่ควรมีฟองอากาศปน ซึ่งอาจจะมีผลต่อค่าที่อ่านได้
• ค่าที่อ่านได้เป็นค่าที่สัมพันธ์กับความเข้มข้นที่อุณหภูมิที่ระบุไว้ในเครื่องคือ 20 องศาเซลเซียส



เทคนิคในการวัดและอ่านค่าของเครื่องวัดค่าความหวานแบบกล้องส่อง

ในงานเกี่ยวกับอุตสาหกรรมอาหารการที่จะรู้ค่าความหวานของผลิตภัณฑ์ที่เราได้ทำการผลิตหรือได้ปรุงแต่งขึ้นมานั้น เราจะต้องมีเครื่องมือวัดที่จะสามารรถบอกได้ถึงค่าของน้ำตาลในอาหารที่เราทำขึ้น ดังนั้นในปัจจุบันจึงมีเครื่องวัดค่าความหวานมากมายให้เราเลือกใช้งาน ในที่นี้จะกล่าวถึงเทคนิคในการวัดและอ่านค่าของเครื่องวัดค่าความหวานแบบกล้องส่อง ในการใช้งานเครื่องวัดค่าความหวานแบบกล้องส่องนั้นไม่ยุ่งยากและมีวิธีการวัดแบบง่ายๆคือ

1.เตรียมตัวอย่างที่ต้องการวัดค่าความหวานให้เรียบร้อย โดยในตัวอย่างนั้นควรจะมีแต่ของเหลวไม่ควรมีเนื้อหรือเศษตัวอย่างติดไปด้วย

2.ทำการเซ็ตค่าเริ่มต้นการใช้งานเครื่องวัดแบบกล้องส่องให้มีค่าเริ่มต้นที่ศูนย์ โดยควรจะนำน้ำกลั่นมาเป็นตัวเซ็ตศูนย์ให้กับเครื่อง โดยการหยดน้ำกลั่นลงในกระจงวัดค่า จากนั่นส่องดูค่าแล้วใช้ไขควงปรับไปที่จุดเซ็ตศูนย์ของเครื่องจนกว่าจะได้ค่าเริ่มต้นที่ศูนย์ โดยในการส่องนั่นควรหันด้านที่หยดตัวอย่างลงไปในที่ที่มีแสงส่อง ซึ่งยิ่งมีแสงมากการมองเห็นจะยิ่งชัดเจน

3.เมื่อเซ็ตค่าเริ่มต้นได้แล้วให้ทำความสะอาดกระจกวัดแล้วจากนั้นหยดตัวอย่างที่จะวัดลงไปและส่องดูค่าที่วัดได้ โดยในการหยดตัวอย่างลงไปนั้นไม่ควรให้มีฟองอากาศและไม่ควรให้มีเศษเนื้อตัวอย่างลงไปด้วยเพราะจะทำให้การอ่ายค่าไม่ชัดเจน

4.เมื่อได้ค่าที่ต้องการแล้วให้ทำความสะอาดเครื่องมือและจัดเก็บให้เรียบร้อย เป็นการเสร็จสิ้นการวัดค่าความหวาน

เครื่องวัดความหวาน ยี่ห้อไหนดี ❓
สำหรับเครื่องวัดความหวานแบบกล้องส่องรุ่นที่เเนะนำ
จะเป็นรุ่น PONPE 520BR
เหมาะสำหรับการวัดค่าความหวาน น้ำชา กาแฟ น้ำผลไม้ อาหาร (น้ำผลไม้ น้ำอัดลม ไวน์ น้ำผึ้ง) ค่าที่ได้มีหน่วยเป็น %Brix ใช้งานง่าย พร้อมกล่องใส่ พกพาสะดวก

#8
เครื่องวัดความหวาน(Refractometer) คืออะไร
Refractometer คือเครื่องมือวัดดัชนีการหักเหของของเหลว เป็นอุปกรณ์ที่เรียบง่ายสำหรับใช้วัดความเข้มข้นของสารละลาย โดยใช้สารละลายเพียงไม่กี่หยดก็เพียงพอต่อการวัด ถูกใช้อย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น อาหาร เกษตรกรรม เคมี หรือที่เราได้ยินกันทั่วไป ก็จะมี เครื่องวัดค่าความหวานหรือเครื่องวัดค่าน้ำตาล เครื่องวัดความหวานในอาหาร ผลไม้ เครื่องดื่ม ขนม  เครื่องวัดความเค็ม ทั้ง 3 แบบนี้ก็คือ Refractometer เช่นกัน
เครื่องววัดค่าความหวาน(Refractometer)มี 2 ประเภทหลักคือ

1 เครื่องวัดค่าความหวานแบบกล้องส่อง เหมาะสำหรับการวัดค่าความหวาน น้ำชา กาแฟ น้ำผลไม้ อาหาร (น้ำผลไม้ น้ำอัดลม ไวน์ น้ำผึ้ง) ค่าที่ได้มีหน่วยเป็น % Brix \ ใช้งานง่าย พร้อมกล่องใส่ พกพาสะดวก

2  เครื่องวัดความหวานแบบดิจิตอล เหมาะสำหรับวัดอาหาร น้ำดื่ม เครื่องดื่ม ชา กาแฟ ของหวาน ชดเชยอุณหภูมิอัตโนมัติ
เครื่องวัดความหวาน (Refractometer) รุ่นแนะนำ ราคาสุดคุ้ม พร้อมรับประกัน1เดือน







เทคนิคในการวัดและอ่านค่าของเครื่องวัดค่าความหวานแบบกล้องส่อง


      ในงานเกี่ยวกับอุตสาหกรรมอาหารการที่จะรู้ค่าความหวานของผลิตภัณฑ์ที่เราได้ทำการผลิตหรือได้ปรุงแต่งขึ้นมานั้น เราจะต้องมีเครื่องมือวัดที่จะสามารถบอกได้ถึงค่าของน้ำตาลในอาหารที่เราทำขึ้น ดังนั้นในปัจจุบันจึงมี เครื่องวัดค่าความหวาน มากมายให้เราเลือกใช้งาน ในที่นี้จะกล่าวถึง เทคนิคในการวัดและอ่านค่าของเครื่องวัดค่าความหวานแบบกล้องส่อง ในการใช้งาน เครื่องวัดค่าความหวานแบบกล้องส่อง และ เครื่องวัดความหวานแบบดิจิตอล นั้นไม่ยุ่งยากและมีวิธีการวัดแบบง่ายๆคือ

1. เตรียมตัวอย่างที่ต้องการวัดค่าความหวาน Refractometer ให้เรียบร้อย โดยในตัวอย่างนั้นควรจะมีแต่ของเหลวไม่ควรมีเนื้อหรือเศษตัวอย่างติดไปด้วย

2. ทำการเซ็ตค่าเริ่มต้นการใช้งานเครื่องวัดแบบกล้องส่องให้มีค่าเริ่มต้นที่ศูนย์ โดยควรจะนำน้ำกลั่นมาเป็นตัวเซ็ตศูนย์ให้กับเครื่อง โดยการหยดน้ำกลั่นลงในกระจงวัดค่า จากนั่นส่องดูค่าแล้วใช้ไขควงปรับไปที่จุดเซ็ตศูนย์ของเครื่องจนกว่าจะได้ค่าเริ่มต้นที่ศูนย์ โดยในการส่องนั่นควรหันด้านที่หยดตัวอย่างลงไปในที่ที่มีแสงส่อง ซึ่งยิ่งมีแสงมากการมองเห็นจะยิ่งชัดเจน

3. เมื่อเซ็ตค่าเริ่มต้นได้แล้วให้ทำความสะอาดกระจกวัดแล้วจากนั้นหยดตัวอย่างที่จะวัดลงไปและส่องดูค่าที่วัดได้ โดยในการหยดตัวอย่างลงไปนั้นไม่ควรให้มีฟองอากาศและไม่ควรให้มีเศษเนื้อตัวอย่างลงไปด้วยเพราะจะทำให้การอ่ายค่าไม่ชัดเจน

4. เมื่อได้ค่าที่ต้องการแล้วให้ทำความสะอาดเครื่องมือและจัดเก็บให้เรียบร้อย เป็นการเสร็จสิ้นการวัดค่าความหวาน



         
#9
ความแตกต่างของการวัดค่าความชื้นแบบ Moisture Analyzer และแบบใช้หลักการนำไฟฟ้า
เมื่อนึกถึงการวัดค่าความชื้นในอุตสาหกรรมหลัก ๆ แล้วจะนิยมใช้กันอยู่ 2 ประเภท คือการวัดค่าความชื้นแบบใช้หลักการใช้ค่าการนำไฟฟ้า และที่นิยมใช้กันอีกแบบคือ แบบ Moisture Analyzer หรือที่นิยมเรียกกันก็คือวัดแบบ moisture balance





    ในส่วนการวัดค่าความชื้นแบบใช้หลักการใช้ค่าการนำไฟฟ้า จะเป็นการวัดโดยใช้เซนเซอร์ที่เป็นแบบแท่งที่ใช้เสียบเข้าไปในวัสดุที่เราต้องการทราบความชื้นซึ่งการวัดแบบประเภทที่ใช้หลักการนี้จะได้ผลการทดสอบที่เร็วไม่ค่อยแม่นยำ และการทดสอบนั้นจะมีปัจจัยหลายๆอย่างเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น ความหนาแน่นของวัสดุ, ความระเอียดของวัสดุ, และชิ้นขนาดของวัสดุ ซึ่งจะนิยมใช้วัดในธัญพืช เช่น ข้าว, ถั่ว,กาแฟ หรือผู้ใช้งานที่ต้องการรู้ค่าความชื้นแบบคร่าว ๆ
ถ้าต้องการความแม่นยำและความถูกต้องในการวัดส่วนใหญ่แล้วจะนิยมใช้การวัดแบบ Moisture Analyzer หรือที่นิยมเรียกกันก็คือวัดแบบ moisture balance หลักการวัดจะเป็นแบบการชั่งน้ำหนักของ วัสดุและจากนั้นตัวเครื่องจะใช้ความร้อนโดยใช้หลอดฮาโลเจน เพื่อทำการไล่ความชื้นออกจากวัสดุและตัวเครื่องก็จะคำนวนค่าความชื้นของวัสดุที่ทำการวัดค่าออกมา และสามารถอ่านค่าความชื้นที่หน้าจอได้เลย แต่การวัดแบบ moisture balance นั้นจะต้องใช้เวลาในการวัดค่าสามารถใช้วัดได้กับวัสดุเกือบทุกชนิดแต่ต้องกำหนดอุณหภูมิให้เหมาะสม


#10
             
หลักการทำงานของเครื่องวัดแอลกอฮอล์




 
       
เครื่องวัดแอลกอฮอล์
    จะวิเคราะห์ผลที่ถูก ต้องคือต้องมาจากลมหายใจของผู้ที่ถูกเป่า ต้องใช้ลมหายใจส่วนลึกของปอดที่สัมผัสกับเส้นเลือดฝอยในปอด เพื่อที่จะได้ค่าปริมาณแอลกอฮอล์ที่ถูกต้อง ผู้ผลิตได้ออกแบบให้เครื่องวัดฯ เมื่อถูกเป่าลมหายใจเข้าเครื่องต่อเนื่องไปได้ระยะหนึ่ง ความแรงในการเป่าจะลดลง สูบไฟฟ้าในเครื่องฯ จะเก็บตัวอย่างลมหายใจประมาณ 1 ซีซี แบบอัตโนมัติ ในกรณีที่เครื่องไม่ได้ออกแบบให้เก็บตัวอย่างลมหายใจแบบอัตโนมัติ การตรวจวัดต้องให้ผู้ถูกตรวจเป่าลมหายใจเข้าเครื่องอย่างต่อเนื่อง และผู้ที่ทำการตรวจวัด จะนับ 1 ถึง 5 ในใจอย่างช้า ๆ เมื่อนับครบแล้ว จึงกดปุ่มรับตัวอย่าง เพื่อให้สูบไฟฟ้าเก็บตัวอย่าง รูปที่ 2 แสดงถึงความสัมพันธ์ของระดับ แอลกอฮอล์ในลมหายใจกับปริมาตรของลมหายใจที่เป่าออกมา จะเห็นว่าเมื่อเป่าลมหายใจเข้าเครื่องวัด ความเข้มข้นของแอลกอฮอล์ในลมหายใจจะเริ่มต้นที่จุด ๆ หนึ่ง แล้วค่อย ๆ เพิ่มขึ้น และความเข้มข้นจะค่อย ๆ คงที่ในที่สุด
                     
                       การทำงานของเครื่องเป่าแอลกอฮอล์เครื่องจะวัดระดับแอลกอฮอล์จากลมหายใจของผู้ ที่ถูกเป่า พอลมหายใจเข้าเครื่องเป่านั้นตัวตรวจจับ
จะแปรสภาพซึ่งอาจจะมองเห็นได้ เช่นการเปลี่ยนแปลงของจำพวกสารเคมีหรือการวัดได้จากพลังงานพวกกระแสไฟฟ้า ความต่างศักย์พวกการเปลี่ยนแปลงสภาพนี้
จะถูกแปลสภาพให้ออกมารายงานที่ หน้าปัดของเครื่องเป่าแอลกอฮอล์ เลือด ทั้งนี้ โดยอาศัยการคำนวณค่าจาก ค่าความสัมพันธ์ของสัมประสิทธิ์ในการแปลงค่าปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดเป็น ปริมาณแอลกอฮอล์ในลมหายใจ


                 หลักการของเครื่องวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดโดยวิธีเป่าลมหายใจ คือให้ผู้ถูกตรวจเป่าลมหายใจเข้าเครื่องซึ่งมี ตัวตรวจจับ แอลกอฮอล์ ซึ่งมี 4 แบบ ได้แก่
1. ตัวตรวจจับแบบ Colorimeter เปลี่ยนสีจากสีเหลืองเป็นเขียว เมื่อได้รับสารแอลกอฮอล์
2. ตัวตรวจจับแบบสารกึ่งตัวนำ เซมิเซ็นเซอร์ ส่วนใหญ่เป็นเครื่องที่ใช้ทดสอบตัวเอง พกพาสะดวก แต่ไม่มีความเที่ยงตรง ไม่แนะนำ
3. ตัวตรวจจับแบบเซลไฟฟ้าเคมี ฟลูเซล์เซ็นเซอร์ การวัดแอลฮอล์โดยใช้เครื่องที่มีตัวตรวจจับแบบไฟฟ้าเคมีมีความเที่ยงตรง สามารถใช้เป็นหลักฐานทางคดีได้ตัวเครื่องมีขนาดเล็ก และมีราคาแพง
4. ตัวตรวจจับแบบ Infrared การวัดแอลฮอล์โดยใช้เครื่องมือ ระบบ Infrared มีความเที่ยงตรง สามารถใช้เป็นหลักฐานทางคดีได้ ตัวเครื่องมีขาดใหญ่ เหมาะสำหรับใช้ประจำที่ เช่น สถานีตำรวจ